ธรรมสวนะ หมายถึง การฟังธรรม

     วันนี้วันพระ หรือ วันธรรมสวนะ หมายถึงการประชุม
ถือศีลฟังธรรม ในพุทธศาสนา (ธรรมสวนะ หมายถึง
การฟังธรรม) กำหนดเดือนจันทรคติละ ๔ วัน ได้แก่
– วันขึ้น ๘ ค่ำ
– วันขึ้น ๑๕ ค่ำ (วันเพ็ญ)
– วันแรม ๘ ค่ำ
– วันแรม ๑๕ ค่ำ (หากเดือนใดเป็นเดือนขาด
ถือเอาวันแรม ๑๔ ค่ำ)

     วันพระ พุทธศาสนิกชนถือเป็นวันสำคัญ ด้วยการ
ไปวัดเพื่อบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา

     สมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสาร ได้เข้าเฝ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และกราบทูลว่า นักบวชศาสนาอื่น
มีวันประชุมสนทนาเกี่ยวกับหลักธรรมคำสั่งสอน
ในศาสนาของเขา แต่ว่าศาสนาพุทธยังไม่มี พระพุทธองค์
จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์ประชุมสนทนา และแสดงธรรม
เทศนาแก่ประชาชน
     พุทธศาสนิกชนจึงถือเอาวันดังกล่าวเป็น วันแห่งการ
ฟังธรรม (วันธรรมสวนะ)

     สำหรับประเทศไทย วันธรรมสวนะนี้ เริ่มมีมาตั้งแต่
สมัยกรุงสุโขทัย และจะมีตลอดไป หากพุทธศาสนิกชน
ร่วมกันรักษาไว้…!

ทั้งทุกข์ และสุข ล้วนไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน

      เวลาฝนตก เรามักถามตัวเองว่า เมื่อไหร่ฝนจะ
หยุดตก…? หรือเราจะต้องทนเปียกปอนอย่างนั้นหรือ..!
ฝนตกแล้วเรา….และพระจะออกรับบิณฑบาตอย่างไร…!

      ถามตัวเองซ้ำๆ กับความทรงจำเดิมๆ กับความรู้สึกเดิมๆ
และแล้วสายฝนก็จางหาย ท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส
      อาจถามในใจว่า… ทำไมเหตุการณ์ทุกอย่างช่างเปลี่ยนไปรวดเร็ว

     สายฝนที่เคยตกกระหน่ำจากเราไปไหน

      โลกที่เคยเปียกปอนจากเราไปไหน

      สิ่งที่ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ ประมวลได้ว่า…ไม่มีสถาน
ที่ใดที่ฝนตกตลอดเวลา เช่นเดียวกัน…ไม่มีความทุกข์
ความสิ้นหวังใดๆ ที่จะคงอยู่ได้ตลอดเวลา

      คำว่าตลอดกาล…ใช้ไม่ได้กับความทุกข์….ความสุข
ทั้งทุกข์ และสุขล้วนไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน

     ขอให้เรามีความหวัง ขอให้เรามีแสงสว่างในใจเสมอ
ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง น้ำตาจะหลั่งไหล … แต่ในไม่ช้าท้องฟ้า
จะเปิดเผยให้เห็นความงดงาม แล้วใบหน้าของเราจะมี
รอยยิ้มผลิบานขึ้นอีกครา…!

จุดสูงสุดแห่งวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

การได้เกิดเป็นมนุษย์ ถือว่าเป็นจุดสูงสุดแห่งวิวัฒนาการ
ของสิ่งมีชีวิต คำถามก็คือ เราจะใช้ร่างกายจิตใจที่วิวัฒนาการ
สูงสุดนี้อย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด..?
การดำรงชีวิตของมนุษย์ บางครั้งย่อมเกิด “ความเครียด”
จากสิ่งกระทบหลายๆ สาเหตุ
ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต เกิดขึ้นตั้งอยู่ไม่นาน
ก็ดับไป มันเป็นเช่นนี้เอง ตั้ง “สติ” ทำความเข้าใจซะ

โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมาย

“ความเครียด” จะทำให้สุขภาพแย่ลง ทำให้ป่วยง่ายขึ้น
ที่สำคัญ หากเครียดมากๆทำให้หน้าแก่ก่อนวัยอีกด้วย 555+
เมื่อใครรู้สึก “เครียด” ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน Adrenaline
จากต่อมหมวกไต ถ้าเครียดมากก็หลั่งออกมาก ฮอร์โมน
ความเครียดก็จะไปยับยั้งการทำงานของอวัยวะสำคัญ เช่น
หัวใจ ไต ตับ ปอด เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายก็พร้อมใจกันหยุดทำงาน เพราะฮอร์โมน
ความเครียดจะไปทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลงๆ
เรียกว่าโรคเครียด นอกจากทำให้ “แก่ง่าย” แล้วยังทำให้
“ตายเร็ว” นะจ๊ะบอกให้..!

สุข ทุกข์ โศกเศร้า สมหวัง มิใช่เรื่องแปลก..

     การบังคับเรือ ต้องบังคับด้วย “หางเสือ”
     การบังคับเรือชีวิต ต้องบังคับด้วย “สติและปัญญา”
ทุกชีวิตเกิดมากำลังลอยอยู่ในห้วงน้ำคือโลกที่เต็มไปด้วยคลื่นทั้ง ๘ คือ
     ๑. คลื่น คือ การได้ การมี การเป็น ความสมหวัง หรือลาภ
     ๒. คลื่น คือ การไม่ได้ ไม่มี ไม่เป็น ความผิดหวัง หรือเสื่อมลาภ
     ๓. คลื่น คือ การได้อำนาจ มีชื่อเสียง ได้ตำแหน่งเป็นที่
นับหน้าถือตา มีบริวารแวดล้อมมากมาย หรือ ยศ
     ๔. คลื่น คือ การหมดอำนาจ เสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่มี
ตำแหน่ง ไร้บริวารแวดล้อม หรือเสื่อมยศ
     ๕. คลื่น คือ การได้รับคำสรรเสริญเยินยอ จากบุคคลอื่น
     ๖. คลื่น คือ การไม่ได้รับคำสรรเสริญใดๆจากใครเลย
มีแต่คนเหยียดหยามดูหมิ่น ด่าว่า หรือ นินทา
     ๗. คลื่น คือ ความสุขความสบาย ไร้กังวลทางจิตใจ
     ๘. คลื่น คือ ความทุกข์ใจ โศกเศร้าเสียใจ
     คลื่นทั้ง ๘ ดังกล่าว ในภาษาพระท่านเรียกว่า “โลกธรรม”
หมายถึงสื่งที่มีอยู่ หรือเรื่องธรรมชาติธรรมดาที่อยู่ประจำ
คู่กับโลกใบนี้ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ตาม
คลื่นทั้งแปดนั้นก็ยังมีอยู่ตลอดกาล
     ฉะนั้น ชีวิตจะสุข ทุกข์ โศกเศร้า สมหวังจึงมิใช่เรื่องแปลก จำไว้..!

ควบคุมความเครียดด้วย “สมาธิ”

     ความเครียด เป็นสาเหตุหลักของอารมณ์หงุดหงิด ซึ่ง
“ความเครียด” ส่วนใหญ่ มักจะเกิดจากปัญหาต่างๆ ที่เข้ามา
รุมเร้าทับถม

     ดังนั้น การฝึกสมาธิ การฝึกหายใจเข้าออกให้ลึกๆ ยาวๆ
(คล้ายๆเวลาถอนหายใจ) จะช่วยทำใจให้เย็นลงได้อย่าง
น่าอัศจรรย์ (ต้องฝึกบ่อยๆสม่ำเสมอ)

     จากนั้นหันกลับไปมองพิจารณาปัญหาว่ามีอะไร หรือเกิด
เพราะอะไรบ้าง ปัญหาใดที่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง
ปัญหาใดที่ต้องทำใจยอมรับ หรือต้องร้องขอความ
ช่วยเหลือจากผู้อื่น อย่าโทษตัวเองฝ่ายเดียวในสื่งที่
เกิดขึ้น

     แต่..ให้บอกกับตัวเองว่าคุณได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ผลจะออกมาเช่นไรต้องยอมรับ

     เมื่อควบคุมใจให้เย็นให้สงบลงได้ อาการหงุดหงิดก็จะ
ลดลงตามไปด้วย ความสุขสดชื่นก็จะเกิดขึ้น