มาทำประกันชีวิตตามแนวพุทธศาสนากันเถอะ



๑. ไม่โหดร้าย = หมั่นเจริญเมตตา ใจสดใส ใจมีความสุข
จักไม่แก่ง่าย ตายเร็ว ไม่ต้องไปฆ่ากัน อยู่กันไม่นานเดี๋ยว
ก็ตายจากกันแล้ว

๒. ไม่มือไว = ไม่อยากจน ต้องขยันหมั่นเพียร กิน
เพราะหิว ใช้เพราะจำเป็น อย่ากิยเพราะอยาก ใช้
เพราะอยาก จะไม่พอกิน พอใช้

๓. ไม่ใจเร็ว = ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตนเอง ไม่มั่นใจก็อยู่
เป็นโสดไป อย่าไปสร้างเวรสร้างกรรมต่อกัน

๔. ไม่พูดปด = พูดคำจริง คำสุภาพอ่อนโยน คำสนานจิตใจ

๕. ไม่หมดสติ = เจริญสติ เว้นจากสิ่งทำให้ขาดสติ สิ่งที่
ทำให้ควบคุมตนเองไม่ได้ สิ่งที่เป็นอบายมุขทั้งปวง

ศีลเป็นหลักประกันความปลอดภัยของชีวิต ปลอดภัย
ทั้งปัจจุบัน และอนาคต ทั้งภพนี้ และภพหน้า..!

ชีวิตนอกกรอบ คือการสร้างองค์ความรู้ใหม่

หากไม่คิดนอกกรอบ ชีวิตจะมีแต่มุมมองแคบๆ วนเวียน
กับสิ่งที่รู้และคุ้นเคยกับแบบเก่าๆเท่านั้น ไม่ทำให้เกิด
ความคิดสร้างสรรค์ หากไม่ฝึกคิดในมุมมองใหม่ๆ ก็จะมีแต่
แนวคิดแบบเดิมๆ ซึ่งทำให้ชีวิตหยุดอยู่กับที่ไม่พัฒนา

การคิดนอกกรอบ ทำให้ชีวิตได้ประสบการณ์ใหม่ๆ
มีความตื่นเต้น ทำให้ได้ฝึกคิดอยู่เสมอ

จะคอยกระตุ้นให้มีชีวิตชีวาจากการเจอเรื่องไม่คาดฝัน
จะช่วยให้สมองได้ฝึกคิดหาวิธีที่แปลกใหม่ พบเรื่องเพื่อให้
แก้ปัญหาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ฝึกสมอง และชีวิตฉลาดขึ้น

ชีวิตนอกกรอบ คือการสร้างองค์ความรู้ใหม่..!

รวงข้าวที่สมบูรณ์ จะไม่ชูรวง..


ความถ่อมตน: คือ การพิจารณาข้อบกพร่องของตนเอง
รู้จักตนเองไม่อวดตัวดื้อรั้น และยอมรับคุณงานความดีของ
ผู้อื่นมาเป็นแบบปฏิบัติต่อตนเองได้อย่างเต็มที่

ลักษณะผู้มีความถ่อมตน: ผู้ที่มีความถ่อมตน จะเป็นผู้รู้
คุณค่าของตนเองตามความเป็นจริง เป็นผู้ที่ตั้งตนอยู่ในปัญญา
รู้จักตัวเองดีว่าตัวเรา มีอะไร ไม่มีอะไร ดังนั้นผู้ที่มีความถ่อมตน
จะมีลักษณะการแสดงออกที่ดีเด่นกว่าคนทั้งหลาย เช่น

๑. มีกริยาอ่อนน้อม: คือ การแสดงกริยาท่าทางที่นุ่มนวล
ต่อคนทั่วไป รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่ตีตนเสมอท่าน สงบเสงี่ยม

๒. มีวาจาอ่อนหวาน: คือ การพูดจาสุภาพอ่อนโยน ซึ่งออก
มาจากจิตใจที่สะอาดนุ่มนวล ไม่ก้าวร้าวแข็งกระด้างในการ
พูด ไม่พูดโอ้อวด ยกตัวข่มท่าน และเห็นใครทำดี ก็แสดง
ความจริงใจ ชมเชย เมื่อตนทำสิ่งที่ผิดพลาดก็กล่าวคำว่า
“ขออภัย”

๓. มีจิตใจอ่อนโยน: คือ ความนอบน้อมละมุนละม่อม
ถ่อมตัว แต่ไม่ใช่ความอ่อนแอ มีภาวะจิตใจที่เข้มแข็ง แต่
มิใช่ความแข็งกระด้าง

นอกจากนี้ควรพยายามฝึกฝนตนเองให้มีจิตใจที่เปิดกว้าง
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ถือเอาความคิด
ของตนเองเป็นใหญ่ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
ใช้สติปัญญาปรับความคิดเห็นเข้าหากัน ย่อมมี
คุณประโยชน์เป็นการพัฒนาตัวเองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เปรียบดัง “รวงข้าวที่สมบูรณ์ จะไม่ชูรวง”..!

ทำงานด้วยการ “ปล่อยวาง”

การทำงานด้วยการ “ปล่อยวาง” ไม่ใช่การปล่อยปละละเลย
เพียงแต่เป็นการไม่คาดหวังผลสำเร็จ สิ่งสำคัญให้มีความสุขในขณะ
ทำงาน โดยไม่ต้องรอให้งานเสร็จก่อนแล้วจึงสุข

รวมถึง “ปล่อยวาง” แม้กระทั่งความสำเร็จ คือสำเร็จก็ไม่ดีใจมาก
ไม่สำเร็จก็ไม่เสียใจมาก ดีก็ไม่เป็นไร ไม่ดีก็ไม่เป็นไร

หลวงพ่อพุทธทาส กล่าวว่า “ทำงานโดยยกผลงานให้เป็นความว่าง”
ทำงานเต็มความสามารถ แต่…ให้ยกผลงานเป็นของความว่าง คืออย่าไปยึด
ว่าเป็นของเรา ถ้าเรายึดว่าผลงานเป็นของเรา เกิดมีใครวิจารณ์งาน เราก็จะโกรธ
เพราะคิดว่าเขาวิจารณ์ตัวเราด้วย นั่นคือการมีตัวกู ที่รับคำวิจารณ์นั้นเต็มๆ
ใจเราจึงเป็นทุกข์…!

เมื่อไรถูกทิ้ง..! ให้ถือว่านั่นเป็นโชคดีของเรา

เมื่อไรถูกทิ้ง..!

ให้ถือว่านั่นเป็นโชคดีของเรา จงเอาสถานการณ์ที่แย่
เพื่อการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม และจงขอบคุณ ที่เขา
ทิ้งเราไป ขอบคุณจริงๆ

เพราะการถูกทิ้งมีข้อดี คือ:

๑. เขาไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา จึงเป็นโอกาสที่เราจะ
สร้างคุณค่าให้ชีวิตดีกว่าเดิม
๒. เป็นโอกาสที่จะพบคนที่ดี คนที่จริงใจต่อเรา
๓. เป็นโอกาสที่จะฝึกความเข้มแข็งให้กับตัว และหัวใจ
เพื่อก้าวให้พ้นความเลวรายในชีวิต

ฮ่า ฮ่า ฮ่า (หัวเราะให้ดังๆ)