คนเราถ้าไม่มีความดีแล้ว ก็สู้ผ้าขี้ริ้วไม่ได้

#ผ้าขี้ริ้ว มาจากไหน…? มาจากผ้าใหม่ พอใช้ไปๆ
ก็กลายเป็นผ้าเก่า ถูกปลดระวางเป็นผ้าขี้ริ้ว
ใช้เช็ดสิ่งของต่างๆ แม้กระทั่ง “เท้า”
คนเราก็เหมือนกัน สมัยหนึ่งเคยเป็นคนมีหน้ามีตา
มีอำนาจบารมี ผู้คนให้ความเคารพยำเกรง มีบริวาร
แวดล้อมอีกสมัยหนึ่ง เมื่อหมดอำนาจบารมีแล้ว
#ถ้าไม่มีความดีอยู่บ้าง
#ก็สู้ผ้าขี้ริ้วไม่ได้เพราะไม่มีใครต้องการ
ผ้าขี้ริ้วคนต้องการเพราะมีประโยชน์ ดังคำสอนของ
#ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดม (สนฺตงฺกุรเถระ ป.๙) ว่า
“คนเราถ้าไม่มีความดีแล้ว ก็สู้ผ้าขี้ริ้วไม่ได้”

“พระพรหม” ตามทัศนทางพระพุทธศาสนา

“พระพรหม” ตามทัศนทางพระพุทธศาสนา คือ #พรหมวิหาร : หลักธรรมครองใจ ธรรมเป็นที่อยู่ของใจ ทำให้ใจประเสริฐมีความสุขทั้งต่อตนเองและผู้อื่น


#เมตตา : ความรัก ความปรารถนาให้ตนเองและผู้อื่นได้รับความสุข (สิ่งใดถูกต้องดีงามเป็นเหตุแห่งความสุข ก็ประพฤติปฏิบัติสิ่งนั้น)
#กรุณา : ความสงสาร ความปรารถนาให้ตนเองและผู้อื่น รวมถึงสัตว์เดรัจฉานได้พ้นทุกข์ (สิ่งใดเป็นเหตุแห่งความทุกข์ ก็เว้นอย่าประพฤติปฏิบัติสิ่งนั้น เช่น อบายมุขต่างๆ)
#มุทิตา : ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีมีความเจริญก้าวหน้า ไม่อิจฉาริษยา (หากตนเองยังไม่มีอย่างเขา ก็ให้พิจารณาดูความเจริญก้าวหน้านั้น เพราะสาเหตุอะไร ก็จำเป็นแบบอย่างมาพัฒนาชีวิตตนให้ได้ตามนั้น)
#อุเบกขา : การรู้จักวางเฉย ทำใจเป็นกลาง ไม่เสียใจ ตีโพยตีพาย ในเมื่อพยายามช่วยเหลือทำดีทุกอย่างแล้ว แต่ไม่สามารถช่วยเหลือ (หรือแม้กระทั่งความดีที่ทำแล้ว จะไม่ปรากฎให้ใครเห็นเป็นรูปธรรม)

เพราะคนเราไม่ได้ยืน จุดเดียวกัน

เพราะคนเราไม่ได้ยืน จุดเดียวกัน
ความสุขความทุกข์ จึงแตกต่างกัน
จงทำจุดที่ตนยืน ให้มีความสุข
ตามแบบอย่าง ของตนเอง
ความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
เพราะชีวิตและจิตใจ เราบ่มเพาะมาต่างกัน….!

ความสุขเกิดขึ้นไม่ยาก หากมีสติอยู่กับปัจจุบัน

#ความสุข เกิดขึ้นไม่ยาก #หากมีสติอยู่กับปัจจุบัน พร้อมที่จะเรียนรู้และปล่อยวางอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ รวมถึง #สามารถควบคุมความอยากที่ไม่มีสิ้นสุด ให้อยู่ในขอบเขตที่เป็นกลาง พอเหมาะพอดี…!