พากายพาใจก้าวเดิน ให้พ้นเส้นทางอันตราย

ถึงแม้ร่างกายจะป่วย แต่ถ้าใจไม่ป่วย ก็จะมีกำลังใจ
ต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้, ถึงแม้ร่างกายไม่ป่วย แต่ใจป่วย
ก็จะพาให้ร่างกายเหมือนป่วย และจะป่วยไปจริงๆด้วย

อากาศเปลี่ยนแปลงพยายามปรับร่างกาย รักษาร่างกาย
ให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงนั้น เช่น รับประทานอาหาร
ที่เป็นประโยชน์ ออกกำลังกายให้หมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ
ไม่มากไปไม่น้อยไป ทำใจให้ผ่องใสเข้มแข็ง

อะไรควรดูควรฟัง ก็ดูก็ฟัง หรือฟังแล้วดูแล้ว
ไม่เป็นประโยชน์ก็อย่าไปดูไปฟัง หรือจำเป็นต้องดูต้องฟัง
โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ตั้งสติเพิ่มขึ้นอีก ให้มีกำลังเพียงพอ
กับการที่ต้องดูต้องฟัง จงจะสามารถรักษาร่างกายและจิตใจ
ไม่ให้ป่วยได้ และก้าวเดินต่อไป อย่างน้อยๆ
ก็ให้พ้นเส้นทางที่จะเป็นอันตรายให้ได้…..!

ฝึกจิตใจให้ผ่องใส สงบเย็น

ชีวิตจริง ย่อมอาจมีสิ่งที่ทำให้จิตใจเราเศร้าหมองเป็นทุกข์
มีสิ่งที่ทำให้พอใจและไม่พอใจ (ตามวิสัยปุถุชน)

การฝึกจิตใจให้ผ่องใส สงบเย็นนั้น จะช่วยให้เรามีชีวิตอยู่
อย่างเป็นสุข มีความเบิกบานใจอยู่เสมอ ได้แก่

๑. ฝึกการมองโลกในแง่ดี ในแง่ความจริง มีอารมณ์ขัน
หัวเราะ และยิ้ม
๒. ฝึกรู้จักให้อภัยตน และคนอื่นเสมอ
๓. ฝึกการรู้จักใช้ชีวิตที่พอเหมาะพอเพียง จัดสรรชีวิตตน
ครอบครัว การงาน การเงิน ให้มีความสมดุล
๔. รู้จักการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
๕. หากมีปัญหาไม่สบายใจ ควรหาทางผ่อนคลายอย่างเหมาะสม
การพูดจาปรึกษาหารือกับผู้ที่เราไว้ใจ การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย
หรือการท่องเที่ยวธรรมชาติ
๖. การฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง จะช่วยทำให้จิตใจสงบ
ไม่คิดฟุ้งซ่าน ช่วยให้จิตใจมีความสงบ เข้มแข็ง สามารถที่จะแก้ปัญหา
หรือทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รู้จักใช้เหตุผล และเป็นคนสุขุมเยือกเย็น
๗. หลีกเลี่ยงสิ่งที่กระทบจิตใจ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งปวง

การรักษาจิตใจให้ผ่องใสอยู่เป็นนิจ ย่อมช่วยสร้างเสริมชีวิตตนเอง
และคนรอบข้างให้เกิดความสุข รวมถึงน้องหมาด้วย
ฮ่าๆๆ..!

เมื่อไม่อยาก ใจก็ไม่เป็นทุกข์

ชีวิตคนเราส่วนใหญ่หมุนเวียนไปตามความอยากมี อยากเป็น ความอยากจะเป็นตัวผลักดันให้โลดแล่นดิ้นรนไป ความอยากนั้นใักจะหนีไม่พ้นความอยากมี กับความอยากเป็น เช่น อยากมีเงินมีทอง อยากมีชื่อเสียงเกียรติยศ หรืออยากเป็น คนเด่นคนดัง แต่ไม่ว่าจะมีอะไรหรือเป็นอะไร ถ้าอยากมีอยากเป็นแล้วก็ทำให้ทุกข์ทั้งนั้น…!

ฉะนั้น..
มีอะไรทำได้ สงเคราะห์ได้ ก็ทำไป สงเคราะห์ไป
เท่าที่ตนจะทำได้ สงเคราะห์ได้
แต่อย่าทำเพราะ “ความอยาก” เด็ดขาด

“เมื่อไม่อยาก ใจก็ไม่ทุกข์”

เมื่อเราได้ดีแล้ว ก็ไม่ควรลืมพระคุณของศาสนา


หลวงพ่อเล่าว่า :
การที่หลวงพ่อได้มีโอกาสไปเมืองนอก ได้นั่งเครื่องบิน ได้ฉันอาหารดีๆ มีผ้านุ่งห่ม
ข้าวของเครื่องใช้ดีๆ และอื่นๆอีกมากมายในชีวิต ที่สามารถช่วยผู้คนได้ เพราะพระคุณของศาสนาแท้ๆ

ถ้าเราไม่บวชไม่ประพฤติปฏิบัติดีชอบตามพระธรรมคำสั่งสอน เราจะมีโอกาสอย่างนี้มั้ย และการที่หลวงพ่อสร้างโรงเรียนส่งเสริมการศึกษาในที่ต่างๆ ก็ด้วยปรารถนาที่จะให้โอกาสผู้ด้อย
ได้มีโอกาสในชีวิต เพื่อช่วยสังคม ประเทศชาติ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ฯลฯ

เมื่อเราได้ดีแล้วก็ไม่ควรลืมพระคุณของศาสนาที่ให้โอกาสดีๆ ต่อชีวิตเรา ควรหาโอกาสตอบแทนทุกโอกาสที่จะกระทำได้ ฯลฯ

สนทนาธรรมหลังภัตตกิจ :
พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร